แม่น้ำโขงที่บึงกาฬ เหลือแค่ 2 เมตร ทำให้กระแสน้ำไม่ไหลนิ่งเปลี่ยนจากสีแดงขุ่นเป็นสีฟ้าครามน้ำใส กลายเป็นวิกฤติชาวประมงพื้นบ้าน ไม่มีปลาให้จับ หอยก็ไม่มีให้งม ขาดรายได้ปรับตัวไปทำอาชีพอื่น
เมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงที่บริเวณจุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ ม.2 ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เช้าวันนี้วัดได้ 2.00 เมตร น้ำนิ่งมีสีฟ้าคราม ใสสะอาด กระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านพื้นบ้านที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำโขง ทั้งชาวไทย และพี่น้องชาว สปป.ลาว ต้องจอดเรือหางยาว หยุดออกหาปลาในแม่น้ำโขง เพราะไม่คุ้มทุนค่าน้ำมัน ในการออกหาปลา และมีสาหร่ายเขียวขึ้นเต็มพื้นน้ำ ทำให้เวลาวางตาข่าย(ไหลมอง) มีสาหร่ายเกาะ ติดตามตาข่าย ปลาไม่เข้ามาใกล้ ทำให้เสียเวลาเปลืองน้ำมัน ชาวบ้านต้องปรับตัวหันไปรับจ้างทั่วไป หรือไปรับจ้างกรีดยางแทน
นายน้อย ศรีสุนทร อายุ 57 ปี ชาวประมงบ้านท่าโพธิ์ ม.6 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ กล่าวว่า หลังน้ำโขงลดมีสาหร่ายขึ้นเต็มทำให้การหากินลำบากขึ้น ออกเรือไปก็ไม่คุ้มค่าน้ำมัน บางวันก็ได้ปลา บางวันก็ไม่ได้ ขนาดมอง (ตาข่าย) ขนาดเล็ก 3-4 เซนติเมตรปลาก็ไม่ติด เสียเวลา เสียน้ำมัน จำเป็นต้องจอดเรือหยุดออกหาปลารอจนกว่าน้ำขึ้น (มีน้ำแดง) จึงจะออกเรืออีกครั้ง ทุกปีช่วงปลายเดือนกุมภา-ต้นมีนา น้ำลงจะมีหอยให้เก็บไปขายวันหนึ่งขายได้เป็น 1,000-2,000 บาท แต่ปีนี้ไม่มีหอยไม่ทราบเป็นเพราะอะไร เวลาออกเรือหาปลาปีนี้จะสังเกตเห็นขอนไม้ พื้นดินที่ใต้แม่น้ำโขงหลังจากแสงแดดส่องกระทบลงมา หรืออาจเป็นกับน้ำที่ใสมากเกินไป
“พอออกเรือไม่ได้ต้องปรับตัวไปรับจ้างอย่างอื่น หลายคนไปรับจ้างกรีดยาง รับจ้างทั่วไปบ้าง ซึ่งผลกระทบมันก็มีบ้างแต่ก็ยังดีกว่าในพื้นที่อื่นๆที่ไม่อยู่ใกล้แหล่งน้ำขนาดใหญ่ วิถีชีวิตของเรายังถือว่าโชคดีอยู่ที่มีน้ำแม่โขง ยังพอหาอยู่หากินได้ ไม่ถึงขั้นกับแย่ ที่อื่นแย่ยิ่งกว่าเราจำเป็นต้องปรับตัวและทำใจ” ชาวประมงบ้านท่าโพธิ์ กล่าว.