ช่วงโค้งสุดท้ายของปี นับถอยหลังเข้าสู่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง และท่องเที่ยว แพ็คกระเป๋าไปเก็บแต้มสะสมบุญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กัน หลายคนเตรียมวางแผนทริปกินเที่ยวควบคู่การทำบุญเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต เนื่องด้วยวัดเสมือนศูนย์รวมจิตใจของคนไทยตั้งแต่โบราณตลอดจนปัจจุบัน ด้วยเสน่ห์ความเป็นวัดไทยที่สงบ แต่ยังมีชีวิตชีวาด้วยน้ำใจคนไทย และเป็นเสาหลักชุมชนที่พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูล และพักผ่อนจิตใจกันในสังคมไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ชีวิตประจำวันมักเกี่ยวข้องกับวัดอยู่เสมอ ขอชวนชม 9 วัด อเมซิ่งไทยแลนด์ เอาใจทั้งสายเที่ยว สายบุญ แวะไปเที่ยว ไหว้พระ และทำบุญครบจบในทริปเดียว ซึ่งแต่ละที่ต่างให้บรรยากาศที่ประทับใจไม่แพ้กัน งานนี้จะมีวัดไหนบ้าง และอยู่ใน Routing เส้นทางแผนเที่ยวปลายปีของหลายคนหรือไม่ไปดูกันเลย
วัดที่ 1 วัดถ้ำเอราวัณ อะเมซิ่งความสวยงามหินงอกหินย้อย จังหวัดหนองบัวลำภู-เลย
เริ่มต้นด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของทั้งสองจังหวัดระหว่าง จ.เลย และ จ.หนองบัวลำภู วัดถ้ำเอราวัณ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันสั้น ๆ ว่าถ้ำช้าง ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยออกมาตามธรรมชาติ มีบันได 611 ขั้นจากเชิงเขาเดินขึ้นไปถึงปากถ้ำ บริเวณปากถ้ำขนาดกว้างใหญ่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย และประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “พระพุทธชัยศรีมหามุนีตรีโลกนาถ” นอกจากนี้ด้านในยังมีห้องโถงกว้างที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยและเสาหินขนาดใหญ่ รวมถึงหินขนาดใหญ่รูปคล้าย “ช้างหมอบ” อยู่บนพื้น อันเป็นที่มาของชื่อถ้ำ ซึ่งเมื่อเดินต่อเนื่องทะลุไปออกที่โพรงถ้ำอีกด้านจะพบจุดชมทิวทัศน์มองเห็นที่ราบซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมทางด้าน จ.หนองบัวลำภู ได้อย่างกว้างไกล
วัดที่ 2 วัดพระแก้ว โบราณสถานขึ้นชื่อราชินีแห่งเจดีย์แห่งเอเชียอาคเนย์ จังหวัดชัยนาท
วัดพระแก้ว เดิมเรียกว่า วัดแก้ว หรือ วัดพบแก้ว โบราณสถานวัดที่เก่าแก่สำคัญของจังหวัดชัยนาท ตั้งอยู่ที่ ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ 23 กิโลเมตร ได้รับขนานนามให้เป็น “ราชินีแห่งเจดีย์แห่งเอเซียอาคเนย์” ด้วยความโดดเด่นขององค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่มีความงดงามแบบละโว้ทรงสูงผสมกับ เจดีย์ทวาราวดีตอนปลาย ฐานเรือนธาตุแบบลดท้องไม้ เป็นศิลปะสมัยสุโขทัยกับสมัยศรีวิชัยผสมผสานกัน บริเวณด้านหน้าเจดีย์มีวิหาร “หลวงพ่อฉาย” ด้านหลังองค์หลวงพ่อฉายมี “ทับหลัง” แกะสลักติดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับสาวกสายพญานาค ไม่ควรพลาดชมรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่โอบล้อมรอบอุโบสถที่บรรจงออกแบบงดงาม และผู้ศรัทธายังสามารถเดินลอดท้องพญานาค เพื่อเป็นสิริมงคลกลับไปพร้อมรูปถ่ายสวย ๆ อีกด้วย
วัดที่ 3 วัดหินหมากเป้ง แลนด์มาร์คเหนือแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย
วัดหินหมากเป้ง บ้านไทยเจริญ ตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย นอกเหนือความโด่งดังบารมีหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่ชาวบ้านพื้นที่ และนักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมากราบสักการะขอพร และสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนเดินทางมาปฏิบัติธรรมแล้ว ยังเป็นแลนด์มาร์คสกายวอล์คสถานที่ยอดยิยมของ จังหวัดหนองคาย ด้วยความสูงยกขึ้นเหนือแม่น้ำโขง มีทางเดินพื้นกระจก มองเห็นแม่น้ำโขงอย่างงดงาม นับเป็นจุดอันซีนเหมาะทั้งยืนชมวิว หรือถ่ายภาพก็ได้ความประทับใจมากไม่แพ้กัน
วัดที่ 4 วัดภูทอก หรือวัดเจติยาคีรีวิหาร จังหวัดบึงกาฬ
วัดภูทอก หรือวัดเจติยาคีรีวิหาร ตั้งอยู่ใน จ.บึงกาฬ ในภาษาอีสาน คำว่า ภูทอก แปลว่า ภูเขาโดดเดี่ยว ที่นี่จะมีภูเขาอยู่ 2 ลูก ด้วยกัน คือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย โดยวัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ล้อมรอบด้วยสะพานไม้เดินวน 360 องศา 7 ชั้น โดยชั้นที่ 3-6 สามารถเดินเวียนรอบเขาได้ ชมบรรยากาศสุดอันซีนได้รอบทิศ 360 องศา กินลมชมวิวบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ธรรมชาติ แอบกระซิบว่าจุดที่ประทับใจสุดคือชั้นที่ 6 ด้วยหน้าผาหินที่ยื่นออกมา เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด โดยเฉพาะช่วงปลายปีหน้าหนาวภูทอก จะมีทะเลหมอกอยู่รอบ ๆ เสมือนว่าเดินอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว เพิ่มความฟินให้ทริปไปอีก
วัดที่ 5 วัดพระธาตุจอมปิง อะเมซิ่งเงาพระธาตุกลับหัว วัดเก่าแก่สถาปัตยกรรมล้านนา จังหวัดลำปาง
วัดพระธาตุจอมปิง นับเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดลำปาง แต่ในเมืองรถม้าจวบจนปัจจุบัน โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะสถาปัตยกรรมศิลปะแบบล้านนา และกลิ่นอายช่างชาวเมียนมาอยู่ด้วย พระธาตุสูง 34 เมตรสง่างามด้วยสีทองอร่ามเรืองรองฐานย่อมุม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จุดอันซีนกับเงาพระธาตุกลับหัวผ่านบานหน้าต่างมาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถ ซึ่งเงาพระธาตุที่เห็น ก็คาดว่าเกิดจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ของกล้องรูเข็มนั่นเอง
วัดที่ 6 วัดพระบรมธาตุสวี พระบรมธาตุเก่าแก่ 700 ปี คู่เมือง จังหวัดชุมพร
วัดพระบรมธาตุสวี เป็นที่ประดิษฐานของ พระบรมธาตุสวี และมีอายุนานกว่า 700 ปี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองชุมพร มีความสำคัญทั้งในพุทธศาสนา และประวัติศาสตร์ไทย โดดเด่นด้วยศิลปกรรมของพระบรมธาตุสวี คาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา และมีการซ่อมแซมบูรณะหลายครั้ง ปัจจุบันองค์เจดีย์มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตกแต่งด้วยรูปปั้นช้างโผล่ศรีษะโดยมีขาหน้าค้ำเจดีย์อยู่ด้านละ 3 ซุ้ม สลับกับรูปยักษ์ถือกระบอง และมีเจดีย์องค์เล็กจำลองแบบจากเจดีย์องค์ใหญ่ตั้งอยู่รอบฐานทั้ง 4 มุม องค์เจดีย์มีลักษณะทรงระฆังคว่ำ ด้านบนประดับด้วยเสาหารก้านฉัตร บัวเถา ปล้องฉัตรเจ็ดชั้น ชั้นบนสุดมีปลียอดและเม็ดน้ำค้าง เรียงตามแนวระเบียงทั้ง 4 ทิศ ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วัดที่ 7 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร มรดกวิจิตรแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใจกลางกรุงเทพฯ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร หรือนิยมเรียกสั้นว่า วัดราชบพิธ วัดประจำรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 ตั้งอยู่บนถนนเฟื่องนคร กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและยุโรป ภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในโบสถ์ออกแบบตกแต่งแบบตะวันตก ความโดดเด่นของวัดราชบพิธ คือ พระอุโบสถ วิหาร เจดีย์ และระเบียงแก้ว มีลายไทยลงรักประดับมุกที่วิจิตรสวยงาม พระเจดีย์ประดับกระเบื้องเคลือบทรงระฆัง เป็นเจดีย์ประธานองค์สุดท้าย ที่สร้างขึ้นตามแบบแผนประเพณีนิยมที่ทำกันมาแต่โบราณ
วัดที่ 8 วัดวังคำ สถาปัตยกรรมล้านช้าง ยกเป็น “วัดเชียงทองในเมืองไทย” อันซีน จังหวัดกาฬสินธุ์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความงามสถาปัตยกรรมล้านช้าง ต้องห้ามพลาด วัดวังคำ อันซีนเมืองกาฬสินธุ์ วัดไทยเพียงวัดเดียวในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ต้นแบบและแนวคิดจำลองแบบในการสร้างจากวัดเชียงทอง ในหลวงพระบาง ส่งผลให้ วัดวังคำ ถูกยกย่องเป็น “วัดเชียงทองในเมืองไทย” นอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรม สิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชื่นชมและประทับใจ คือ การแต่งกายเข้าชมวัด โดยจะต้องแต่งกายสุภาพ ผู้ชายใส่กางเกงขายาว ผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาว ถ้านุ่งสั้น จะมีผ้าซิ่นให้ใส่ ส่วนผู้ชายจะมีผ้าขาวม้าให้ จากนั้นต้องพาดด้วยผ้าสไบเฉียงที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ แลดูสวยงามเป็นระเบียบ
วัดที่ 9 วัดสิรินธรวราราม วัดเรืองแสงแห่งแรงศรัทธา แลนด์มาร์ค จังหวัดอุบลราชธานี
วัดสิรินธรวราราม ลำพังความงดงามของพุทธศิลป์และสิ่งปลูกสร้างก็สุดยอดแล้ว แต่ทันทีที่ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า สีเรืองแสง ที่ฉาบไว้ ก็เปล่งประกาย มันสวยมาก เหมือนเราอยู่บนสวรรค์ ด้วยสถานที่และการวาง landscape ของวัดดูลงตัวมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์
พร้อมกันนี้ นอกเหนือจากความอันซีน 9 วัดที่ได้กล่าวมาแล้ว เมืองไทยยังมีวัด และโบราณสถานที่สวยงาม ที่มีประวัติยาวนาน รวมถึงศิลปกรรมศาสตร์ที่รอให้เราชาวไทย และนักท่องเที่ยวได้ร่วมดื่มด่ำ สัมผัสความงดงามอีกมาก สามารถติดตามความอันซีนอย่างเต็มสตรีม อัพเดทชมสถานที่ความงดงามวัดใหม่ ๆ ในทุกวันไปพร้อมกันได้ที่เฟซบุ๊คเพจ ชีวิตนี้ต้องมี 1000 วัด หรือ https://www.facebook.com/seesombliss/
ทั้งนี้ การเดินทางเก็บเกี่ยวความงดงามวัดไทยครอบคลุมทุกภูมิภาค ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยให้ได้ 1,000 วัด ภายใน 4 ปี คือเป้าหมายของเพจ ชีวิตนี้ต้องมี 1000 วัด ปัจจุบันเพจฯ เดินทางมาแล้วเกินกว่าครึ่งทางของเป้าหมาย ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงไม่เกิน 10 จังหวัดที่ยังไม่ได้ไป พร้อมยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเก็บทุกความประทับใจ เผยแพร่ความงดงามศิลปกรรมวัดแบบไทยสู่สาธารณะ ให้คนไทย และนักท่องต่างชาติได้ชมความงดงาม และเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้คึกคักทั้งในปัจจุบัน และอนาคต